วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2558

ประวัติเรือของกลุ่มหมวกฟาง



       เรือโกอิ้ง แมรี่ เป็นเรือแบบคาราเวลที่มีรูปร่างเล็กจึงทำให้สามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว  จึงทำให้พวกพ่อค้าในสมัยก่อนชอบใช้แต่ถึงกระนั้นเรือแบบคาราเวลนั้นก็เปราะบางเป็นอย่างมาก ส่วนเรือลำนี้เป็นของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ตัวเรือเป็นรูปแบบคาราเวลทั่วไป หัวเรือเป็นรูปแกะ ถูกออกแบบโดยเมอร์รี่พ่อบ้านคนสนิทของคายะผู้เป็นคนมอบเรือให้กลุ่มหมากฟาง ตอบแทนกับการที่พวกลูฟี่ได้ช่วยหมู่บ้านไว้และกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางซึ่งใช้เดินทางมาตั้งแต่อีสต์บลูจนถึงวอเตอร์เซเว่น ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเทาซันด์ ซันนี่






       เรือเทาซันด์ ซันนี่ เป็นเรือลำที่สองของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง รูปตัวเรือเป็นแบบ Brig Sloop - บริกสลูป ซึ่งประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับความสามารถของต้นหนเป็นหลัก  ตัวเรือนั้นถูกสร้างด้วย"ไม้อดัม"ซึ่งเป็นไม้แบบเดียวกับที่ใช้สร้าง"โอโร่ แจ็คสัน"ของโรเจอร์  บนเรือนั้นปูด้วยพิ้นหญ้า พร้อมด้วยทั้งชิงช้าและสไลเดอร์เช่นเดียวกันกับหอสังเกตุการณ์ และด้วยเสากระโดงเรือที่มีขนาดใหญ่ทำให้ซันนี่นั้นเหมาะสำหรับใช้ในการต่อสู้อย่างมาก ซันนี่นั้นก็มีหัวเรือเป็นรูปแบบสัตว์เหมือนลำอื่นๆ ซันนี่นั้นมีหัวเรือเป็นรูปสิงโต แต่เพราะว่าแผงคอซันนี่นั้นมีรูปร่างคล้ายกลีบดอกไม้ จึงทำให้มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นดอกทานตะวันอยู่บ่อยๆ




       ปัจจุบันลูฟี่และผองเพื่อนกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ก็ได้อาศัยเรือเทาซันด์ ซันนี่ ในการเดินทางสู่การผจญภัยที่ New World และเพื่อเป็นราชาโจรสลัด ดั่งคำพูดของลูฟี่ที่ว่า “ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย"


ประวัติของสมาชิกในกลุ่มหมวกฟาง












ประวัติ มังกี้ ดี ลูฟี่ 
      มังกี้ ดี ลูฟี่ กัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ผู้สืบสายเลือดแห่ง “D”  ลูฟี่เกิดที่หมู่บ้านฟูซาบนเกาะดาว (Down) ในอีสต์บลู เขาถูกปล่อยให้อยู่ที่นั่นตามลำพังโดยไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับครอบครัวของเขานอกจากรู้ว่าการ์ปคือปู่ของเขา กระทั่งวันหนึ่งแชงคูสและกลุ่มโจรสลัดผมแดงขึ้นเกาะไปยังบาร์หมู่บ้าน ลูฟี่ได้กินผลปิศาจของแชงสเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นเพียงผลไม้ธรรมดาทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นยางและจะไม่สามารถว่ายน้ำได้อีกต่อไป โจรภูเขาบุกมาที่บาร์และอาละวาดแต่แชงสไม่คิดจะตอบโต้ทำให้ลูฟี่โกรธและจะไปแก้แค้นแต่กลับถูกจับตัวไป ไม่นานแชงสก็ตามมาช่วยลูฟี่แต่ก็ต้องเสียแขนขวาไปเพราะจ้าวทะเล ก่อนที่แชงสจะจากไปได้มอบหมวกฟางให้กับลูฟี่พร้อมกับบอกให้ลูฟี่กลายเป็นโจรสลัดที่ยิ่งใหญ่ ภายหลังการจากไปของโจรสลัดผมแดง การ์ปรู้สึกหวั่นอยู่ในใจถึงสายเลือดแห่ง D เขาพาตัวลูฟี่ไปให้ ดาดัน” (Dadan) โจรภูเขาเลี้ยงดูเพื่อไม่ให้ลูฟี่ได้พบกับโจรสลัดอื่นอีกโดยหวังจะให้ลูฟี่เป็นทหารเรือที่แข็งแกร่งแต่ไม่ทันการเพราะเป้าหมายของลูฟี่คือการออกเรือเพื่อเป็นราชาโจรสลัด ซึ่งที่นั่นเองที่ลูฟี่ได้พบกับเอสและซาโบ
       ลูฟี่ออกเดินทางสู่ท้องทะเลและได้สมาชิกที่แข็งแกร่งมาเป็นพวกพร้อมกับตั้งกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางขึ้นมา เขาได้ต่อสู้กับโจรสลัดมากมายรวมทั้งเจ็ดเทพโจรสลัดอย่าง ครอคโคไดล์และเก็กโค โมเลีย พร้อมกับพัฒนาความสามารถจากพลังพิเศษของผลยาง โกมุ โกมุผลปิศาจสายพารามีเซียสามารถยืดหยุ่นร่างกายได้เหมือนยาง ภายหลังการช่วยเหลือนิโค โรบิ้นจากพวก CP9 การ์ปเดินทางมาหาลูฟี่ที่วอร์เตอร์เซเว่นและเล่าถึงประวัติให้เขาฟังว่าลูฟี่คือลูกชายของนักปฏิวัติดราก้อนที่รัฐบาลโลกต้องการตัวมากที่สุด และแชงคูสที่มอบหมวกฟางให้ลูฟี่นั้นเป็นถึงหนึ่งในสี่จักรพรรดิผู้ปกครองครึ่งหลังของแกรนด์ไลน์
       การต่อสู้ระหว่างกลุ่มหมวกฟางกับบาโซโลมิว คุมะและพลเอกคิซารุบนเกาะชาบอนดี้ทำให้กลุ่มหมวกฟางถูกวาร์ปไปตามที่ต่างๆ ในส่วนของลูฟี่ถูกส่งไปยังเกาะอมาซอน ลิลี่ของจักรพรรดินีโจรสลัดโบอา แฮนค็อก ลูฟี่ต้องสู้กับสองพี่น้องโบอาอย่างไม่มีทางเลือกและการช่วยปกปิดความลับสำคัญของพี่น้องโบอาทำให้แฮนค็อกหลงรักลูฟี่อย่างหัวปักหัวปำ
       ข่าวการถูกจับกุมของเอสรู้ถึงหูลูฟี่เขาจึงตัดสินใจไปที่คุกนรกอิมเพลดาว์นโดยได้ความช่วยเหลือจากแฮนค็อก แม้จะรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์จากพิษที่ได้รับจากแมคเจลแลนแต่ก็ไม่ทันการเพราะเอสถูกส่งตัวไปยังมารีนฟอร์ดแล้ว ลูฟี่จึงต้องรีบออกจากที่นั่นและได้พบกับกลุ่มโจรสลัดหนวดดำ ลูฟี่รู้ว่าทีชคือคนที่จับตัวเอสส่งให้รัฐบาลจึงเกิดการต่อสู้กันแต่จินเบเข้ามาขวางเอาไว้ ลูฟี่พร้อมกับอิวานคอร์ฟ จินเบ ครอคโคไดล์ บากี้ มิสเตอร์วันและเหล่านักโทษอีกจำนวนมากหนีออกจากคุกและมุ่งตรงไปยังมารีนฟอร์ดเพื่อช่วยเหลือเอส ในสงครามที่มารีนฟอร์ด ลูฟี่ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึก เขาเข้าขัดขวางไม่ให้ครอคคไดล์โจมตีหนวดขาวและประกาศต่อหน้าหนวดขาวว่าเขาจะเป็นราชาโจรสลัดทำให้หนวดขาวรู้สึกถูกใจจากนั้นจึงเริ่มต่อสู้กับทหารเรือ ลูฟี่ได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวและเหล่านักโทษที่หนีออกมาด้วยกันจึงผ่านด่านสามพลเรือเอกขึ้นสู่แท่นประหารและช่วยเอสออกมาได้ ทว่าภาระร่างกายที่เกินกว่าขีดจำกัดทำให้ลูฟี่ขยับตัวไม่ได้ดังใจ อาคาอินุจึงพุ่งเป้าโจมตีมายังลูฟี่แต่เอสเข้ามาขวางเป็นเหตุให้เอสต้องจบชีวิตลง ลูฟี่ที่ช็อกจากการสูญเสียพี่ชายได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวและครอคโคไดล์ เขากับจินเบถูกส่งตัวไปยังเรือของทราฟาลก้า ลอว์ (Trafalgar Law) และหนีออกจากมารีนฟอร์ดไปก่อนที่แชงสจะเข้ามายุติสงคราม
       ลูฟี่รู้สึกตัวอีกครั้งบนส่วนหนึ่งของเกาะอมาซอน ลิลี่ เขาโทษตัวเองที่อ่อนแอจนไม่สามารถปกป้องใครได้ โชคดีที่จินเบอยู่ด้วยจึงช่วยเตือนสติลูฟี่ว่าเขายังมีสิ่งสำคัญเหลืออยู่ เรย์ลี่ที่เดินทางมาหาได้ทดสอบลูฟี่และสอนการใช้ฮาคิทั้งสามชนิดที่หลับใหลอยู่ในตัวให้แก่ลูฟี่ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ลูฟี่เข้าใจถึงที่มาในพลังอันแข็งแกร่งของศัตรูจนกระทั่งเวลาผ่านไปสองปี กลุ่มหมวกฟางเดินทางมาพบกันอีกครั้งตามข้อความที่ส่งผ่านไปของลูฟี่ บัดนี้เขาสามารถใช้ฮาคิได้อย่างชำนาญสามารถเอาชนะแปซิฟิสต้าได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ลูฟี่บอกลาเรย์ลี่ที่ช่วยสอนการใช้ฮาคิและเริ่มออกเดินทางอีกครั้งโดยมีเป้าหมายคือเกาะเงือก
       กลุ่มหมวกฟางเดินทางมาถึงเกาะเงือก ลูฟี่เข้าไปในอาณาจักรริวงูแต่เกิดหลงทางจนได้พบกับองค์หญิงชิราโฮชิและช่วยชิราโฮชิจากอาวุธที่วาน เดอ เด็คเค่นขว้างเข้ามา ลูฟี่พาชิราโฮชิออกจากวังเพื่อไปยังป่าทะเล ระหว่างทางเขาได้พบกับเดคเค่นและจัดการได้ไม่ยาก ลูฟี่ได้พบจินเบอีกครั้งที่ป่าทะเล เขาได้ฟังเรื่องราวที่จินเบเล่าจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังลานกว้างและใช้ฮาคิแห่งราชันย์จัดการทหารไป 50,000 คน ลูฟี่จัดการโฮดี้โจนจนหมดสภาพและใช้พลังที่เหลือยิงหมัดชุดใส่เรือโนอาที่กำลังจะร่วงลงมาบนเกาะเงือกจนเรือเสียหายไปครึ่งหนึ่งก่อนที่พวกจ้าวแห่งทะเลจะเข้ามาช่วยหยุดเรือเอาไว้ ลูฟี่สูญเสียเลือดมากจากบาดแผล เขาได้รับเลือดจากจินเบและชวนจินเบเข้าเป็นพวกแต่ถูกจินเบปฏิเสธ ภายหลังงานเลี้ยงในพระราชวัง ลูฟี่ได้พบกับคนของบิ๊กมัมที่มารับลูกกวาดซึ่งพวกลูฟี่กินไปหมดแล้ว ลูฟี่ใช้สมบัติทั้งหมดแลกกับการที่บิ๊กมัมไม่มาทำลายเกาะเงือกและประกาศสงครามกับบิ๊กมัมที่เป็นถึงหนึ่งในสี่จักรพรรดิ
กลุ่มหมวกฟางเดินทางออกจากเกาะเงือกมาถึงพั้งค์ฮาซาร์ด ดินแดนที่มีทั้งน้ำแข็งและแม็กม่าอยู่คู่กัน ลูฟี่ได้พบกับลอว์ที่ก้าวขึ้นเป็นเจ็ดเทพโจรสลัดและตอบรับร่วมมือในการล้มหนึ่งในสี่จักรพรรดิ ลูฟี่สู้กับซีซาร์ คลาวน์และถูกพลังจากผลแก๊สพิษจนถูกจับขังในกรงร่วมกับลอว์และสโมคเกอร์ ลูฟี่กับคนอื่นๆที่ถูกจับได้รับการปลดปล่อยจากโซ่หินไคโรเซกิ เขาเริ่มแผนการสวนกลับโดยบุกเข้าไปยังห้องทดลองและจัดการกับลูกน้องของคลาวน์

ค่าหัว
       30 ล้านเบรี หลังจากกำจัด (หลังจากกำจัดอาลองคุโระบากี้และอาลอง)
       40 ล้านเบรี หลังจากกำจัด 1ใน7เทพโจรสลัด ครอกโคไดล์ หรือ MR.Zero
       100 ล้านเบรี (หลังจากบุกสกายเปียล่มเทพพระเจ้า]
       300 ล้านเบรี (หลังจากจัดการลอบลุจิและcp9)
       400ล้านเบรี (หลังจากบุกอิมเพลดาวและเข้าร่วมสงครามของกงทัพเรือและหนวดขาว)





ประวัติ โรโรโนอา โซโร 
       โซโรเป็นนักล่าค่าหัวผู้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบเป็นอาวุธ โดยมีดาบ 3 เล่มเป็นอาวุธประจำตัว มีความใฝ่ฝันเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ตามที่ให้สัญญาไว้กับ คุอินะ เพื่อนสมัยเด็กที่เสียไป หลังจากนั้นถูกนาวาโทมอร์แกนมือขวานจับตัวไปและเจอกับลูฟี่ ลูฟี่เข้ามาช่วยโซโรไว้ และโซโรยังร่วมเดินทางไปกับลูฟี่ด้วย และโซโรเองมีค่าหัว 60 ล้านเบรี หลังจากที่จัดการดาซูบอเนส หรือมิสเตอร์วัน แล้วเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านเบรี หลังจากจัดการคาคุซึ่งเป็นหนึ่งใน CP9
       ดาบประจำตัวที่โซโรพกไว้เสมอตั้งแต่แรกคือ ดาบสีขาว วาโดอิจิ มอนยิ (เป็นดาบที่จะคาบไว้ที่ปากเวลาใช้ท่าสามดาบ)ซึ่งเป็นดาบที่รับช่วงมาจากเพื่อนสมัยเด็กและสาบานว่าจะเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ดาบอื่นที่ใช้ในปัจจุบันอีกสองเล่มคือดาบสีแดง ซังได คิเทซึ เป็นดาบอาถรรพ์ที่ได้มาจากล็อกทาวน์ และ ดาบดำ ชูซุย ซึ่งได้มาจากการสู้กับซามุไรเจเนรัลซอมบี้ ริวมะ(ว่ากันว่าเป็นตัวเอกจากนิยายของอ.โอดะ แต่ทว่าเขากลับป่วยจนเสียชีวิต จึงได้เป็นแขกรับเชิญในร่างซอมบี้)ที่ธริลเลอร์บาร์ค จึงทำให้บรู๊ค (สมาชิกเรือเธาด์ซัน ซันนี่คนล่าสุด)ได้เงาของเขากลับคืนมา
โซโรนั้นเคยพบกับเรือตรีหญิงแห่งกองทัพเรือ ทาชิงิ ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกับคุอินะมาก แต่ในตอนนั้นพวกเขาไม่ระแวงเลยว่าอีกฝ่ายคือกองทัพเรือและโจรสลัด จนกระทั่งมารู้เอาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม โซโรไม่กล้าประชันดาบกับเธอ และมักหลีกเลี่ยงอยู่เสมอเพราะไม่อาจลืมภาพคุอินะไปได้
       เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของโซโรคือนักดาบอันดับหนึ่งของโลก มิฮอว์ค เจ้าของฉายาตาเหยี่ยว โซโลเคยประชันกับมิฮอว์คมาครั้งหนึ่งเมื่อครั้งที่ลูฟี่กับเขาไปที่ร้านอาหารกลางทะเลที่ซันจิอยู่และพ่ายแพ้ หลังจากนั้นเป็นเวลานานที่เกาะชาบอนดี้ โซโรที่สะสมความเหนื่อยล้าไว้มากต้องเข้าสู้กับบาโซโลมิว คุมะและเกือบถูกฆ่าโดยคิซารุ แต่ถูกช่วยชีวิตไว้จากราชันย์นรกเรลี่ จากนั้นจึงถูกหนึ่งในเจ็ดเทพโจรสลัด บาโซโลมิว คุมะซัดกระเด็นไปที่ซากราชอาณาจักรเก่า ที่นั่นเขาได้พบกับมิฮอว์คอีกครั้ง ในเวลานั้นข่าวที่ลูฟี่สูญเสียเอสไปได้มาถึง โซโรจึงดึงดันจะออกจากเกาะไปพบลูฟี่ แต่เมื่อได้รับรหัสที่ลูฟี่ส่งมา จึงเปลี่ยนใจและกลับไปก้มหัวขอให้มิฮอว์คเป็นคนสอนวิชาดาบแก่ตนเอง มิฮอว์คเข้าใจนิสัยโซโรเป็นอย่างดี จึงรับปากสอนหลังจากแผลของโซโรหายดี
บุคลิกและนิสัย
       โซโลเป็นคนจริงจัง ขี้เซา หลับง่าย ชอบดื่มเหล้า หลงทางบ่อย ไม่เชื่อในพระเจ้า และพูดตรงไปตรงมา ถึงจะอยู่กลุ่มเดียวกับซันจิ แต่เขาก็ไม่ชอบซันจิสักเท่าไร จึงมักชอบหาเรื่องกับซันจิจนทั้งคู่ต้องทะเลาะกันเป็นประจำ จนซันจิให้ฉายาส่วนตัวแก่เขาว่า เจ้าหัวเขียวสาหร่ายส่วนซันจิก็ได้ฉายาจากโซโลว่า เจ้าหัวคิ้วยากันยุง”/”เจ้าคิ้วไม้ม้วนเช่นกัน แต่ถึงภายนอกจะไม่แสดงออกเท่าไร โซโลก็เป็นคนที่รักเพื่อนฝูงอย่างมาก เมื่อถึงเวลาต่อสู้จะจริงจังเสมอ แล้วยังชอบกินปลา และตกปลาอีกด้วย

ดาบของ โรโรโนอา โซโร 
       โซโลเป็นผู้เชี่ยวชาญสูงสุดในการต่อสู้โดยใช้ดาบเป็นอาวุธ เขาสามารถสู้ด้วยดาบ 1 ถึง 3 เล่มพร้อมกันได้ แต่จะสู้ได้ดีที่สุดหากใช้ดาบทั้ง 3 เล่มพร้อมกัน สำหรับดาบของโซโล มีดังนี้
       ดาบสีขาว วาโด อิจิมอนจิ (ญี่ปุ่น: 和道一文字 Wado Ichimonji ) เป็นดาบเล่มสำคัญที่สุดของโซโล ซึ่งเป็นดาบของอดีตคู่แข่งคนสำคัญของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว ปกติโซโรจะคาบเล่มนี้ไว้ที่ปากถ้าใช้ครบ 3 เล่ม และพกติดตัวเพื่อระลึกถึงเธอเสมอ
       ดาบสีแดง ซังได คิเทซึ (ญี่ปุ่น: 三代鬼 Kitetsu Sandai ) ดาบอาถรรพ์ ใครถือดาบนี้มีอันเป็นไปเป็นดาบที่เลือกผู้ใช้ โซโลทดสอบโดยการโยนขึ้นและปล่อยให้ดาบหมุนลงมาหาแขน ปรากฏว่าไม่เป็นไร ลุงเจ้าของร้านดาบในเมือง ล็อกทาวน์ ของร้านจึงยกให้ จะใช้มือซ้ายถือดาบเล่มนี้
       ดาบสีเทา ยูบาชิริ (ญี่ปุ่น: 雪走 Yubashiri ) เจ้าของร้านดาบ ถูกใจในการทดสอบของโซโรจึงให้ดาบเล่มนี้มาอีก(พังไปจากการต่อสู้)
ดาบ ชูซุย (ญี่ปุ่น: 秋水 Shusui ) ได้มาจาก ซอมบี้ซามูไรในตำนาน ริวมะ และสู้ชนะถึงได้มา

ค่าหัว
       60 ล้านเบรี หลังจากกำจัดนักล่าโจรสลัด 100 คนที่เมืองวิสกี้พีคและ MR.1
       120 ล้านเบรี หลังจากจัดการคาคุและองค์กรCP9
       160 ล้านเบรี หลังจากสร้างวีรกรรมครั้งใหญ่ที่หมู่เกาะซาบอนดี้ใน
การท้าทายพวกมังกรฟ้า



ประวัติ อุซป
       อุซปเป็นนักโกหกประจำหมู่บ้านไซรัป และ (เป็นลูกของยาซปที่เป็นมือปืนให้กับกลุ่มโจรสลัดผมแดง) มีความสามารถพิเศษคือการใช้อาวุธเกี่ยวกับการยิงได้แม่นยำ รวมถึงหนังสติ๊ก หรือ ปืนใหญ่ ลักษณะนิสัยเป็นคนโกหก และขี้ขลาด ถึงแม้ว่าอุซปจะมีพละกำลังน้อยกว่าคนอื่นในเรือ อุซปได้เข้าร่วมการต่อสู้ทุกครั้ง โดยหลายๆ ครั้งได้รับบาดเจ็บกลับมา
อุซปผู้ที่มีความในการยิงปืน ในการวาดรูป และการผลิตสิ่งของจริงๆหรือแหกตามาก อุซปเป็นคนขี้กลัวแต่ก็ตลกมาก ซึ่งอุซปเป็นคนออกกลอุบาย มากมายให้กับพวกลูฟี่ ซึ่งนอกนามิที่ออกกลอุบายแล้วก็มี อุซปนี้แหละที่คิดแผนดีมาก ซึ่งอุซปนั้นจะชอบหัวเราะกับการที่ลูฟี่ เลียนแบบโซโล ซันจิและช็อปเปอร์มาก และอุซปว่างๆจะชอบหลอกล่อช็อปเปอร์ด้วยความสนุกสนาน ปัจจุบันอุซปมีค่าหัว 30 ล้านเบลีซึ้งมีผลมาจากการที่จัดการ cp9 และยิงธงของรัฐบาลโลกลงมาจึงทำให้ได้ฉายาว่า โซเงคิง (ที่จริงก็คืออุซปอะนะ) ตอนนี้กำลังต่อสู้กับออส และ เก็กโค โมเลีย เพื่อชิงเงาของตนกับคืนมา (ไม่งั้นร่างจะสลายเมื่อโดนแสงอาทิตย์)

โซเงคิง
       หลังจากอุซปได้แยกตัวออกจากกลุ่ม อุซปได้ปลอมเป็นโซเงคิงเพื่อเข้ามาช่วยเหลือพวกของ มังกี้ ดี ลูฟี่ ในตอนที่จะต้องไปช่วยเหลือนิโค โรบิน จากพวกCP9 มีฝีมือการยิงปืนพอ ๆ กับ อุซป โดยโกหกว่าโซเงคิงอาศัยอยู่ที่เกาะนักแม่นปืน ถ้าถามเค้าว่าเกาะนักแม่นปืนอยู่ที่ไหน เค้าจะตอบว่าอยู่ในใจของเราไง

ค่าหัว
       30 ล้านเบรี (ในชื่อของโซเงคิง) หลังจากใช้คาบุโตะ (หนังสติ๊กขนาดใหญ่) ยิงกระสุนเพลิง เผาธงสัญลักษณ์ของรัฐบาลโลกที่เอนิเอส ล็อบบี้ต่อหน้าCP9ตามคำสั่งของลูฟี่ และตอนนั้นได้ใช้ชื่อและหน้ากากปกปิดตัวเองว่า โซเงคิง






ประวัติ นามิ
       นามิเป็นต้นหนของเรือ และเป็นคนที่ 3 ของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เธอเป็นคนแรกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางที่โผล่มาในอะนิเมะ ในหนังสือ เธอเป็นคนที่ 3 ที่ยอมร่วมกลุ่มจริงๆ ก็เป็นคนที่ 5 เธออาจจะเป็นต้นหนที่ดีที่สุดในแกรนด์ไลน์ และเธอก็เป็นนักล่าสมบัติอีกด้วย นอกจากนี้เธอยังเป็นนักล้วงกระเป๋าที่ชำนาญมาก ๆ ด้วย
       นามิเป็นต้นหนที่ดีมาก สามารถบ่งบอกความแตกต่างของอากาศได้ ทำให้กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางหลุดพ้นจากอากาศแสนวุ่นวายของแกรนด์ไลน์ได้ มีอยู่ 2 อย่างที่เธอชอบที่สุดนั่นคือ เงิน และ “Mikan” ซึ่งเป็นส้มชนิดหนึ่ง เพราะเธอรักเบลล์เมียร์ซึ่งคือแม่เลี้ยงของเธอ ความฝันของนามิคือการได้วาดแผนที่โลกที่สมบูรณ์แบบของโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่สำเร็จสำหรับทุกคนเป็นเพราะทะเลที่ห้าวหาญของแกรนด์ไลน์ แผนที่แรกที่นามิวาดคือแผนที่ของเกาะที่หมู่บ้านโคโคยาชิอยู่
       ลักษณะของนามิคือ มีรอยสักที่แขนด้านซ้ายของเธอ ซึ่งหมายถึง “Mikan” ซึ่งเป็นส้มชนิดหนึ่ง และเกวียน หมายถึงอดีตของเธอ ซึ่งตอนแรกจะเป็นรอยสักที่บ่งบอกว่าเป็นพวกของกลุ่มโจรสลัดอารอน เธอมีความสูง 169cm สัดส่วน 36-22-36 อาจารย์โอดะเคยบอกว่านามิถูกเปรียบเทียบเหมือนกับแมว และสีที่บ่งบอกเกี่ยวกับเธอคือสีส้ม มีกลิ่นตัวเหมือนส้ม “Mikan” และเงิน อาจารย์โอดะก็บอกด้วยว่า สิ่งที่นามิชอบกินที่สุดคือส้มและผลไม้ทุกชนิด
       ในเรื่องของการต่อสู่ นามิไม่ชำนาญในด้านการต่อสู้เหมือนทุกคนในกลุ่ม แต่เธอก็ยังสามารถป้องกันตัวได้อย่างเล็กน้อยด้วยกระบองของเธอ และสามารถกำจัดโจรสลัดธรรมดาๆ หรือทหารเรือธรรมดาได้ แม้จะมีปัญหาเล็กน้อย เธอสามารถปล่อยพลังโจมตีที่ทั้งเร็วทั้งแรง และเมื่อเธออยู่ที่อลาบาสตาและหลังจากนั้น เธอใช้กระบองที่มีความสามรถเปลี่ยนสภาพอากาศอยู่ข้างในที่อุซปสร้างให้ ตอนแรก ๆ กระบองถูกสร้างมาเพื่อใช้ในงานปาร์ตี้ แต่เมื่อนำท่าต่าง ๆ มาใช้ร่วมกันแล้ว นามิเปลี่ยนกระบองที่ใช้ในงานปาร์ตี้มาเป็นกระบองที่แสนอันตราย แต่หลังจากนั้น กระบองคุริมะได้กลายเป็น กระบองคุริมะ ฉบับสมบูรณ์ซึ่งกระบองนี้สามารถทำลายกลุ่มทหารเรือได้กลุ่มใหญ่เลย เทคนิคบางอย่าง คือ ทันเดอร์บอลท์ เทมโปที่ใช้คูลบอลกับฮีทบอลผสมกันให้เป็นเมฆ และส่งทันเดอร์บอลไปบนเมฆทำให้เกิดสายฟ้าฟาดขนาดใหญ่และมิราจ เป็นต้น

ค่าหัว
       ค่าหัวของนามิมีอยู่ 16 ล้านเบรี หลังจากจัดการแคริฟอร์และองค์กร CP9






ประวัติ ซันจิ
       ซันจิเป็นพ่อครัวมือเอกรองจากเชฟในภัตตาคารบาราติเอ โดยทั้งคู่มีความหลังร่วมกัน โดยเมื่อ 9 ปีก่อน เซฟ(ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าโจรสลัดขาแดง ผู้มีวิชาเตะเป็นหนึ่ง) ได้โจมตีเรือเดินทะเลซึ่งซันจิได้ทำงานเป็นพ่อครัวฝึกหัดขณะนั้น ในขณะที่กำลังบุกปล้น ปรากฏว่ามีพายุพัดเข้ามาทำให้ซันจิตกเรือไป โดยเซฟได้กระโดดลงน้ำตามไปช่วยซันจิ ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะรอดจากการจมน้ำมาได้ แต่ทั้งคู่ได้ขึ้นมาติดชะง่อนหินด้วยกันกลางทะเล ไม่มีสัตว์ ไม่มีผัก ไม่มีอาหาร และยังคงเป็นหินที่สูงจากระดับน้ำทะมากเกินกว่าที่จะตกปลามากินได้ โชคยังดีที่เซฟได้หยิบอาหารติดมาสองถุง โดยตกลงว่าจะแบ่งอาหารกันกิน ซันจิได้ถุงเล็กและเซฟได้ถุงใหญ่ไป เซฟยังคงสั่งให้ซันจินั่งอยู่ตรงข้ามของเกาะเพื่อสังเกตเผื่อมีเรือผ่านมา วันคืนผ่านไปหลายวันไม่มีทีท่าว่าจะมีเรือผ่านมา อาหารของซันจิเริ่มร่อยหรอลง เมื่ออาหารของซันจิได้หมดลง ซันจิจึงวางแผนจะฆ่าเซฟแล้วแย่งอาหารมาเมื่อสังเกตเห็นเห็นว่าถุงอาหารของเซฟยังคงเต็มอยู่ ซันจิได้เข้าไปแย่งอาหารแล้วได้รู้ว่าถุงอาหารของเซฟทั้งหมดมีแต่ทรัพย์สมบัติ ไม่มีอาหารเลยซักนิดเดียว ซันจิจึงรู้ได้ว่าเซฟได้แบ่งอาหารที่มีทั้งหมดไว้ให้ซันจิคนเดียว มากไปกว่านั้นเมื่อซันจิได้เห็นขาของเซฟแล้วรู้ว่าเซฟตัดขาตัวเองกิน (ในฉบับหนังการ์ตูน เซฟสูญเสียขาตอนที่ช่วยซันจิจากการจมน้ำ)
       หลังจากนั้นซันจิได้สาบานกับตัวเองว่าจะช่วยเซฟเปิดร้านอาหารบนทะเลแห่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ต้องการให้มีผู้คนที่ต้องทนหิวกลางทะเลอีกต่อไป หลายวันต่อมาได้มีเรือผ่านมาและได้ช่วยเหลือทั้งคู่จากความตาย
ในภัตตาคารบาราติเอ เซฟและซันจิได้ทะเลาะกันตลอดเวลา โดยเซฟเรียกซันจิว่าเด็กน้อย ขณะที่ซันจิเรียกเซฟว่าไอ้เฒ่า (ในอะนิเมะซันจิเรียกว่าตาแก่ขี้ตืด) เซฟบอกซันจิตลอดเวลาว่าฝึมือทำอาหารของซันจิห่วยไม่เข้าขั้นมาตลอด ถึงแม้ว่าจะทะเลาะกันหนักแค่ไหน ซันจิสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะช่วยเซฟเปิดร้านอาหารตลอดชีวิต        จนกระทั่งวันหนึ่ง ดอนครีกและกลุ่มโจรสลัดปรากฏตัวขึ้นและประกาศจะยึดครองบาราติเอ ซันจิและพ่อครัวคนอื่นได้ต่อสู้ป้องกันบาราติเอ โดยในขณะนั้น ลูฟี จากกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้อยู่ที่ภัตตาคารพอดี และได้ช่วยขับไล่ดอนครีกไป ลูฟีชักชวนให้ซันจิขึ้นเรือเป็นพ่อครัวประจำเรือและไปตามหา ออลบลู” (ซึ่งเป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของซันจิและของเซฟ เป็นชื่อทะเลที่มีปลาอยู่ทุกประเภท) แต่ซันจิตัดสินใจหนักแน่นว่าจะไม่ทิ้งเซฟและบาราติเอไป เซฟเห็นดังนั้นจึงวางแผนกับพ่อครัวทุกคนในบาราติเอให้ทำท่าโกรธซันจิอย่างแรงและแกล้งบอกว่าซุปรสชาติไม่ได้เรื่อง ซันจิโมโหมากที่เห็นว่าทุกคนเทอาหารของเขาทิ้งและหาว่าอาหารไม่อร่อย แต่เมื่อซันจิมารู้แผนของเซฟทีหลังและได้เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงที่อยากให้ซันจิตามความฝันไป ซันจิได้ก้มกราบขอบคุณเซฟและทุกคนด้วยน้ำตา และได้ลงเรือไปกับลูฟีไป

ค่าหัว
       77 ล้านเบรี หลังจากจัดการจาบรา สมาชิกขององค์กร CP9








ประวัติ โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ 
       โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ เป็นกวางเรนเดียร์สุดที่รักของด็อกเตอร์คุเรฮะ
ที่กินผลมนุษย์ (ผลฮิโตะ ฮิโตะ) เข้าไป เป็นหมอประจำเรือสามารถแปลงร่างได้ถึง7ขั้นโดยอาศัยยาที่คิดค้นพิเศษก็คือรับเบิ้ลบอลและท่าไม้ตายใหม่ที่ได้จากการต่อสู้กับcp9ก็คือร่างมอนสเตอร์ที่ต้องกินผลรับเบิ้ลบอลผลที่3ไปนั้นเองและหลังจากที่ชนะคุมาโดริก็ทำให้ค่าหัวของช๊อปเปอร์มีค่าแค่50เบรีเท่านั้นซึ่งก็ให้พวกทหารเรือคิดว่าเป็นแค่สัตว์เลี้ยงทำอะไรไม่ได้

ค่าหัว
       50 เบรี หลังจากเหตุการณ์ต่อสู้กับองค์กรCP9ที่เอนิเอสล็อบบี้(รัฐบาลโลกไม่รู้ว่า ช็อปเปอร์เป็นผู้จัดการคุมาโดริ และนึกว่าเป็นสัตว์เลี้ยงจึงให้ค่าหัวนำจับเพียง
เท่านี้)







ประวัติ นิโค โรบิน 
       นิโค โรบิน [Eng:Nico Robin] เป็นนักโบราณคดีของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ก่อนที่นิโค โรบินจะมาเป็นพวกของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง เธอเคยเป็นรองประธานขององกรณ์บาร็อค เวิร์ค โค้ดเนมเธอคือ มิสออล ซันเดย์เธอเป็นลูกเรือคนที่เจ็ดของโจรสลัดของกลุ่มหมวกฟาง นิโค โรบิน เป็นสมาชิกคนแรกที่เคยเป็นศัตรูกับกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางลูฟี่ มาก่อน นิโค โรบินได้กิน ผลปีศาจที่มีชื่อว่าผล ฮานะ ฮานะเธอจึงสามารถ ผลิชิ้นส่วนของร่างกายออกมาได้ตามที่เธอต้องการ ในช่วง 2 ปีของการฝึกฝน เธอได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนักปฏิวัติ ความฝันของเธอคือตามหาโพเนกลีฟที่บอกเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่แท้จริง เธอมีค่าหัว 80,000,000 เบรี

รูปร่างลักษณะ
       นิโค โรบิน มีรูปร่างสูงเพรียว เธอเป็นผู้หญิงที่จิตใจแข็งแกร่ง ก่อน 2 ปี มีผมสีดำยาวถึงไหล่ หลัง2 ปี มีผมสีดำยาวถึงเอว ในฉบับอนิเมะ เธอมีดวงตาสีฟ้า ในฉบับมังงะเธอมีดวงตาสีน้ำตาล เธอมีจมูกแข็งเหมือนสันหนังสือ เธอมีสีผิวค่อนข้างเข้มเล็กน้อย แต่หลังจากสองปีในอนิเมะ เธอมีผิวขาว เธอมีความคล้ายแม่ของเธอมาก เธอมีแขนและขา ที่ยาวมาก โดยเฉพาะขาของเธอ ทั้งยาวและเรียวสวยงาม

ค่าหัว
       79 ล้านเบรี ตั้งแต่อายุ 8 ปีเพราะเป็นคนเดียวบนโลกที่อ่านโพเนกลีฟได้ ซึ่งอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐบาลโลกเพราะเกี่ยวข้องกับ พลูตัน และหนีรอดจากการสังหารของ บัสเตอร์คอล ที่โอฮาร่า
       80 ล้านเบรี หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เอนิเอส ล็อบบี้ โดยได้รับการช่วยเหลือจากพวกลูฟี่และรอดพ้นจากการสังหารของ บัสเตอร์คอล เป็นครั้งที่ 2





ประวัติแฟรงกี้
       แฟรงกี้ (หรือชื่อเดิม คาติ แฟลม) เป็นมนุษย์ไซบอร์ก แล้วเคยเป็นผู้ช่วยของทอม ผู้สร้างเรือผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งก็มีเพื่อนเป็นนายกเทศมนตรีของเกาะเมืองวอเตอร์เซเว่นซึ่งก็คือคุณไอซ์เบิร์ก มีนิสัยออกแนวบ้าบอ (เข้ากันได้ดีกับ ลูฟี่ อุซป ช็อปเปอร์) แต่แล้วแฟรงกี้ก็ช่วยต่อสู้กับรัฐบาลโลกหรือมีที่ชื่อหน่วยว่า cp9 โดยมีหัวหน้าหน่วยที่ว่าสแปนดัม ซึ่งในอดีตสแปนดัมได้สั่งลงโทษคุณทอมในข้อหาที่โจมตีเรือของรัฐบาลแต่ในความเป็นจริง สแปนดัมเป็นคนที่สั่งให้โจมตีเรือรัฐบาลโลกเอง ซึ่งก็ทำให้แฟรงกี้มีความแค้นกับสแปนดัมจนถึงปัจจุบัน

ค่าหัว
       44 ล้านเบรี หลังจากล้มสมาชิกขององค์กร[CP9] คือ เนโร (ฉายาแมวทะเล) และ มุคุโร่ (ฉายานกฮูก) ที่เอนิเอส ล็อบบี้





ประวัติบรู๊ค
       บรู๊คปรากฏครั้งแรกในแกรนด์ไลน์ที่ ฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ลและเขาเคยเป็นพวกพ้องของกลุ่มโจรสลัดรุมบะและมีกัปตันโจรสลัดหมวกแก็บ ซึ่งเป็นกลุ่มของนักดนตรีมารวมตัวกันและล่องเรือไปตามแกรนดไลน์จากทะเลเวสท์บลูมามากกว่า50ปีแล้วและได้ถูกตามโดย ลาบูน ซึ่งเป็นปลาวาฬและเป็นปลาวาฬที่ติดใจอาโฟรของบรู๊ค บรู๊คสัญญาว่าเมื่อไปล่องเรือที่แกรนด์ไลน์แล้ว เขาจะต้องกลับไปเจอลาบูนแน่ๆ
       หลังจากที่ได้ไปที่ฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ล กลุ่มโจรสลัดรัมบะถูกโจมตีจากศัตรูที่ไม่รู้จัก และเพราะเขากิน ผลโยมิ โยมิ โนมิ ซึ่งเป็นผลปีศาจชนิดหนึ่ง จึงทำให้ คืนชีพได้ หลังจากที่ได้ตายไปครั้งหนึ่งแล้ว วิญญาณของบรู๊คจึงถูกย้อนกลับมาที่แกรนด์ไลน์และเขาได้หลงทางเนื่องจากหมอกหนาของฟลอเรี่ยน ไทรแองเกิ้ล หลังจากนั้น เขาก็เจอตัวของเขาซึ่งไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากโครงกระดูกและผมอาโฟรจึงได้เป็นโครงกระดูกที่เดินได้ และ ชอบขอดุกางเกงใน
       ภายหลังเหตการณ์ที่โกสต์ ไอส์แลนด์ ทริลเลอร์ บาร์ค พวกลูฟี่สามารถปราบ เก็กโค โมเลีย หนึ่งใน เจ็ดเทพโจรสลัดลงได้ ทำให้บรู๊คได้เงากลับคืนมาและได้ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มกับพวกลูฟี่ เพราะเขาต้องการที่จะพบกับปลาวาฬลาบูน อีกครั้ง

ค่าหัว
       33 ล้านเบรี